technician
technician
เทคโนโลยี4.0
ในขณะที่รัฐบาลกำลังพยายามกันอย่างมากที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยให้เป็นไปตามกลไกที่เหมาะสมเข้ากับยุคสมัย หน้าที่ของพวกเราทุกคนในฐานะ SME ผู้ประกอบการ หรือประชาชนคนไทย ก็สามารถเตรียมตัวให้พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ โดยอันดับแรกเลยคือเรื่องของเทคโนโลยีที่ควรใช้ให้เป็น เพราะในโลกปัจจุบันเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งมันยังช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้น ต้องหมั่นดูอยู่เสมอว่ามีอะไรที่ตรงกับเราบ้าง เพื่อให้การพัฒนาเป็นไปได้ไวยิ่งขึ้น เรื่องของการไปเยี่ยมชมงานที่ต่างประเทศก็เช่นกัน เพราะลูกค้าในอนาคตอาจมาจากหลากหลายประเทศทั่วโลก การติดต่อ มารยาท ธรรมเนียมการปฏิบัติจึงเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าบริษัทไม่มีคนพูดภาษาอังกฤษได้ ส่งอีเมลมาก็ไม่สามารถตอบกลับได้ ก็ทำให้เสียโอกาสในการทำธุรกิจไปได้อย่างน่าเสียดาย และสุดท้ายเรื่องของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพราะคนในสมัยนี้ใส่ใจในสิ่งแวดล้อมมากขึ้น หากมีสินค้าที่คุณสมบัติเหมือนกัน ราคาใกล้เคียงกัน สินค้าที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจะสามารถจับใจลูกค้าได้มากกว่า
เทคโนโลยี4.0
ก่อนอื่นเลยต้องอธิบายก่อนว่า Thailand 1.0 – 4.0 ต่าง ๆ มันคืออะไร ซึ่งมันก็คือโมเดลในการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาลไทย แต่แตกต่างกันที่กลุ่มการลงทุนหลักของประเทศในขณะนั้น พูดง่าย ๆ คือ ในแต่ละยุคสมัยรัฐก็จะให้ความสนใจและส่งเสริมพัฒนาเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน ลองกลับไปย้อนอดีตกันสักหน่อยดีกว่า
เริ่มต้นกันที่ Thailand 1.0 ซึ่งช่วงนั้นรัฐก็จะเน้นการลงทุนทางภาคเกษตรกรรม เช่น หมู หมา กา ไก่ พืชไร่ พืชสวน ส่วนการส่งออกสมัยนั้นยังเป็นแค่พวกไม้สัก ดีบุกเท่านั้นเอง
โมเดลต่อมาก็เป็น Thailand 2.0 ที่มุ่งเน้นอุตสาหกรรมเบาแต่หันมาใช้แรงงานจำนวนมากแทน เช่น เครื่องนุ่งห่ม รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ อะไรพวกนี้และในช่วงที่เราอยู่กันขณะนี้ก็คือ Thailand 3.0 ซึ่งเป็นยุคของอุตสาหกรรมหนักและการส่งออก มีการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น ใช้เทคโนโลยีสูงขึ้น เน้นเรื่องชิ้นส่วนยานยนต์ แผงวงจรไฟฟ้าที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น และเรื่องของการลงทุน มีการขยับไปลงทุนในต่างประเทศอีกด้วย
Thailand 3.0 ที่เราเป็นกันมาตลอดจนถึงทุกวันนี้มันทำให้รายได้ประเทศอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น เราไม่สามารถขยับหนีไปจากจุดนี้ได้สักที เมื่อ 50 ปีก่อน ช่วง พ.ศ.2500-2536 เศรษฐกิจของไทยเรามีการเติบโตอย่างมากถึงระดับ 7-8% ต่อปี แต่หลังจาก พ.ศ.2537 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน เศรษฐกิจไทยเติบโตขึ้นเพียง 3-4% ต่อปีเท่านั้น นอกจากนั้นยังมีเรื่องของ ‘ความเหลื่อมล้ำด้านความร่ำรวย’ อีกต่างหาก และสุดท้ายก็เรื่องของ ‘ความไม่สมดุลในการพัฒนา’ ซึ่งเรื่องพวกนี้นี่แหละครับที่ทำให้รัฐบาลต้องหันมาใส่ใจ เร่งพัฒนาปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจกันยกใหญ่ เพื่อให้เราก้าวข้ามจาก Thailand 3.0 ไปสู่ Thailand 4.0 ให้ได้ใน 3-5 ปีนี้
ถึงคราวเปิดใจให้ Thailand 4.0ทุกคนที่รับรู้ถึงวิกฤตในครั้งนี้ก็ได้แต่ฝากความหวังไว้ที่ Thailand 4.0 หวังว่ามันจะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยหลุดพ้นกับดักทั้งหลายที่เคยเจอมาตลอดได้ ซึ่ง Thailand 4.0 นี้เป็นการ ‘ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม’ นั่นเอง เปลี่ยนจากที่แต่ก่อนเราลงมือทำมาก แต่ได้ผลตอบแทนน้อย มาเป็น ลงมือทำน้อย ๆ แต่ได้ผลตอบแทนมหาศาล โดยการเอาความคิดสร้างสรรค์เป็นแรงผลักดัน และนำนวัตกรรมเข้ามาช่วย เปลี่ยนจากการผลิตสินค้าไปสู่การบริการมากขึ้น
ตัว Thailand 4.0 นี้จะเป็นการพูดถึง New S-Curve หรือก็คือ การพัฒนาเปลี่ยนแปลงใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ซึ่งก็คล้าย ๆ กับการ Disruptive ที่เข้ามาพัฒนาสินค้าที่มีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น และล้มล้างพฤติกรรมแบบเดิม ๆ เหมือนอย่างเช่น ฟิล์ม Kodak ที่เคยรุ่งเรืองอยู่ในสมัยก่อน ใครจะไปคิดว่าสุดท้ายแล้วบริษัทยักษ์ใหญ่รายนี้จะถูกคลื่นลูกใหม่อย่างเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาแทนที่ ต้องล้มหายไปจากความทรงจำของเด็กรุ่นใหม่ ทำให้ยุคสมัยนี้คนอาจจะไม่รู้จักกับ Kodak แต่รู้จักกับกล้องดิจิทัลแบรนด์ดัง ๆ อย่างอื่นแทน
ส่วนที่ยากของ New S-Curve คือเราจะเคลื่อนย้ายไปเทคโนโลยีใหม่เมื่อไหร่ อย่างแรกต้องดูว่าเราจะไปปักหลักกับเทคโนโลยีไหนดี ต่อมาคือเราจะเปลี่ยนแปลงมันไปยังไง และสุดท้าย เมื่อไหร่ถึงควรจะปรับตัวไปยังเทคโนโลยีนั้น
การเปลี่ยนแปลงที่เข้ามาพร้อม Thailand 4.0
การเปลี่ยนแปลงที่เข้ามาพร้อม Thailand 4.0
วิธีการถือเป็นเรื่องสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ ซึ่งสำหรับ Thailand 4.0 แล้ว การเปลี่ยนแปลงย่อมมีให้เห็น และแน่นอนว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับนวัตกรรมด้วย ซึ่งเมื่อมองภาพว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการทำเกษตรกรรมอยู่เยอะ การเปลี่ยนแปลงในส่วนนี้จึงเกิดขึ้น โดยเปลี่ยนจากการทำเกษตรแบบธรรมดา ให้เป็นเกษตรสมัยใหม่ หรือ Smart Farming สิ่งสำคัญคือจะทำยังไงให้เกิดความสมดุลในการผลิต ให้ความต้องการซื้อและขายมันพอดีกัน ต้องช่วยกันคิดว่าสิ่งที่เราเหลือสามารถนำไปแปรรูปเปลี่ยนเป็นอะไรที่มีคนต้องการได้บ้าง
อีกทั้งตัวผู้ประกอบการเองก็ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเช่นกัน จาก SME ที่ต้องรอคอยการช่วยเหลือจากรัฐอยู่ตลอดเวลา เป็น Smart Enterprises และ Startup หรือบริษัทเกิดใหม่ที่มีศักยภาพสูง อย่างที่ได้ยินข่าวกันอยู่ในทุกวันนี้ โดยการนำเอานวัตกรรมเข้ามาช่วย เพิ่มจุดแข็งและคุณค่าให้ธุรกิจรวมไปถึงสมัยก่อนเราอาจจะขาดแคลนคุณภาพของแรงงาน มีแต่แรงงานทักษะต่ำ ไม่มีความรู้พื้นฐานเพียงพอ ก็เป็นอีกสิ่งที่ต้องปรับเปลี่ยน สร้างพื้นฐานความรู้ ความเชี่ยวชาญ ให้แก่แรงงานของเรา
และการเปลี่ยนแปลงสุดท้ายคือ การบริการ อาจต้องเปลี่ยนแปลง จากที่เคยแค่บอกต่อกันไปปากต่อปาก มีคนกดไลก์เยอะ ก็คิดว่าบริการนั้นดีมากแล้ว อาจต้องมีการนำเรื่องของมาตรฐานเข้ามา เพื่อให้กลายเป็น High Value Services ต้องมีการรับรอง มีการตรวจสอบเพื่อให้มีความน่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพ เช่น บริการนวด ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งอาชีพบริการที่มีมากในประเทศไทย อาจต้องมีการตรวจสอบและผ่านการรับรองเพื่อแลกกับคุณภาพที่ได้มาตรฐาน
จะเข้าสู่ยุค 4.0 ทั้งที SME ต้องเตรียมตัวไว้ให้พร้อม
ในขณะที่รัฐบาลกำลังพยายามกันอย่างมากที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยให้เป็นไปตามกลไกที่เหมาะสมเข้ากับยุคสมัย หน้าที่ของพวกเราทุกคนในฐานะ SME ผู้ประกอบการ หรือประชาชนคนไทย ก็สามารถเตรียมตัวให้พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ โดยอันดับแรกเลยคือเรื่องของเทคโนโลยีที่ควรใช้ให้เป็น เพราะในโลกปัจจุบันเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งมันยังช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้น ต้องหมั่นดูอยู่เสมอว่ามีอะไรที่ตรงกับเราบ้าง เพื่อให้การพัฒนาเป็นไปได้ไวยิ่งขึ้น เรื่องของการไปเยี่ยมชมงานที่ต่างประเทศก็เช่นกัน เพราะลูกค้าในอนาคตอาจมาจากหลากหลายประเทศทั่วโลก การติดต่อ มารยาท ธรรมเนียมการปฏิบัติจึงเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าบริษัทไม่มีคนพูดภาษาอังกฤษได้ ส่งอีเมลมาก็ไม่สามารถตอบกลับได้ ก็ทำให้เสียโอกาสในการทำธุรกิจไปได้อย่างน่าเสียดาย และสุดท้ายเรื่องของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพราะคนในสมัยนี้ใส่ใจในสิ่งแวดล้อมมากขึ้น หากมีสินค้าที่คุณสมบัติเหมือนกัน ราคาใกล้เคียงกัน สินค้าที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจะสามารถจับใจลูกค้าได้มากกว่า
เทคโนโลยีล้าสมัยของบางอย่างที่ใช้กันในชีวิตประจำวันนั้น บางอย่างก็อาจจะเกิดมานานหลายชั่วคนตั้งเเต่รุ่นพ่อของใครหลายๆ คนก็ว่าได้เเต่ก็ยังใช้กันอยู่ มาทำความรู้จักกับของเหล่านี้กันเลยดีกว่าครับ
เครื่องวิทยุ AM /FN
ถึงปัจจุบันเราจะสามารถฟังวิทยุผ่านมือถือกันได้เเล้ว เเต่ทั้งในรถยนต์หรือร้านอาหารข้างทางธรรมดาๆ ก็ใช้วิทยุกันทั้งนั้นนะครับ เพราะบางทีเปิดมือถือมานั้นส่วนใหญ่ก็กดเกมเล่นกันไม่ก็อ่านเฟสบุ๊คทำให้วิทยุเหล่านี้ก็ยังขายได้อยู่ดีถึงจะน้อยก็ตาม
สายเเจ็คเสียง 3.5mm
สายหูฟังที่ใช้กันมาอย่างยาวนานที่ไม่มีท่าทีว่าจะหายไปง่ายๆ ถึงเเม้ iphone 7 จะนำช่องนี้ออกก็ตามเเต่ก็ยังมีอุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้กันอยู่ทั่วบ้านทั่วเมืองอยู่ดี
ตลับเกมคลาสสิก
ตลับเกมที่ตอนเด็กๆ คนที่เคยเล่นน่าจะเคยหยิบเอามาเป่าก่อนเสียบเล่นกัน ที่ถึงปัจจุบันเครื่องเกมจะเปลี่ยนเป็นเเบบ blu-ray /Digital กันหมดเเล้ว เเต่ก็ยังมีกลุ่มคนที่ชอบของคลาสสิกเหล่านี้กันอยู่ที่คลาสสิกสุดๆ ขนาดยังใช้ตลับเล่นกันอยู่นั่นเอง
โทรทัศน์ CRT
เครื่องโทรทัศน์ใหญ่ๆ อ้วนๆ ที่พบเห็นกันได้ตามร้านอาหารข้างทางทั่วไป หรือบ้านบางคนที่มีคนเถ้าคนเเก่ที่มีเครื่องเเบบนี้มานานเเล้วที่ยังใช้ดูข่าวดูละครอยู่ทุกวัน ที่ถึงในตลาดจะมีเเต่ LCD,LED ขายกันหมดเเล้ว เเต่เครื่องเเบบนี้ก็ยังมีคนใช้กันอยู่ดี
กล้อง Digital
เเน่นอนว่ากล้องเเบบนี้นั้นปัจจุบันก็เเทบจะเเทนที่กล้องฟิล์มกันหมดเเล้ว เเต่ถ้าย้อนไปจุดกำเนิดนั้นก็เรียกได้ว่าเกือบ 20-30 ปีเเล้ว ซึ่งสิ่งที่ทำให้มันอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ก็เพราะความสะดวกนั่นเองที่ทำให้มีการปรับปรุงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ถึงจะคิดค้นกันมานานเเล้วก็ยังใช้กันได้อยู่นั่นเอง
เครื่อง Fax
สำนักงานปัจจุบันก็มีเครื่องเหล่านี้ใช้กันทั้งนั้น ส่งเอกสารไปมาระหว่างชั้นหรือตึกอาคารไม่ต้องไปส่งในเน็ตให้ยุ่งยาก
โทรศัพท์บ้าน
ในสำนักงานทั้งหลายรวมถึงบ้านเรือนทั่วไปเเน่นอนว่าโทรศัพท์เเบบนี้ก็ยังมีให้เห็นกันอยู่เเน่นอน
นาฬิกาข้อมือ
ถึงเเม้จะเป็นของที่มีมานานสมัยรุ่นพ่อของปู่เราๆ เเล้วก็ตามเเต่นาฬิกาข้อมือก็ไม่ได้หายตายจากไปไหน ถึงจะมีพวก Applewatch ที่พยายามจะมาเเทนที่ของตกยุคเเบบนี้ก็ตามเเต่ก็ยังมีคนใช้กันอยู่ดี
เเผ่นเสียง Vinly
ยุคปัจจุบันที่ .mp3 หาโหลดหาฟังกันได้ตามเน็ตเป็นเรื่องธรรมดาไปเเล้ว เเต่เเผ่นเสียงเหล่านี้ก็ยังมีขายอยู่ไม่ได้หายไปไหน ซึ่งว่ากันว่ามันเป็นความรู้สึกอีกเเบบที่ไฟล์ mp3 ให้ไม่ได้กันนั่นเอง บ้านใครมีเครื่องของพ่อเเม่ก็ลองเอามาฟังกันดูนะครับอาจจะชอบกันก็ได้
เเผ่น CD
เเน่นอนว่ายุคสมัยนี้เเผ่น CD ดูจะใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ในหลายๆ อย่างเเล้ว เเต่บางทีอย่างเเผ่นเพลงหรือไฟล์งานส่งอาจารย์ก็ต้องใช้เเผ่น CD เหล่านี้อยู่ทำให้่มันไม่ได้หายไปจากตลาดโดยสมบูรณ์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น